สารจากประธานกรรมการ

หน้าหลัก / ข้อมูลบริษัท / สารจากประธานกรรมการ

ปี 2563 เป็นปีแห่งความท้าทายและความไม่แน่นอน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับพวกเราทั้งหมด เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในการดำเนินชีวิตการทำงาน และการทำกิจกรรมต่างๆ ท่ามกลางอุปสรรคและความวุ่นวายเหล่านี้ บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) ยังสามารถคงผลประกอบการที่มั่นคงและมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เติบโตอย่างยั่งยืน โดยสิ่งสำคัญที่สุดที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการในปี 2563 นี้ คือการที่บริษัทฯ สามารถดูแลให้พนักงาน ห่วงโซ่อุปทาน และคู่ค้าทางธุรกิจของบริษัทฯ มีความปลอดภัยและมีสุขภาพที่ดี ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานที่ทำงานส่วนหน้าที่กระจายอยู่ทั่วภูมิภาคจำนวนกว่า 3,000 คน

อย่างที่ทราบกันดีว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 เป็นช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย โดยเป็นผลมาจาก การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วเอเชีย รวมถึงตลาดหลักของบริษัทฯ ทั้งในประเทศไทย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา และทวีปยุโรป ในช่วงครึ่งแรกของปีสิ่งสำคัญที่สุดของเราในช่วงครึ่งปีแรกคือการรักษาทีมงาน และพนักงานให้ปลอดภัย โดยมีการกำหนดมาตรการความด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย ในขณะที่ยังคงดูแลให้การดำเนินกิจการเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ประสบปัญหาความต้องการสินค้าลดลงในบางช่วงและ การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานอย่างรุนแรงเป็นระยะเวลา กว่า 3 เดือน อย่างไรก็ตามภาพรวมของอุปสงค์พื้นฐานและ ลูกค้าของบริษัทฯ ได้ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผลิตภัณฑ์อาหารยังคงเป็นสินค้าหลักที่จำเป็นในชีวิตประจำวันสำหรับผู้บริโภค ดังนั้น บริษัทฯ จึงยังคงมองเห็นโอกาสที่ดีในระยะยาวและยังคงมุ่งมั่นในการตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคด้วยความภาคภูมิใจตั้งแต่กระบวนการปลูกไปจนถึงมือผู้บริโภค (Farm to Shelf)

แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ธุรกิจมันสำปะหลังในสาธารณรัฐประชาชนจีนของบริษัทฯ ยังคงสามารถเติบโตได้กว่าร้อยละ 17 ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 โดยปริมาณ ความต้องการแป้งมันสำปะหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแป้งมันสำปะหลังมูลค่าเพิ่มสำหรับอุตสาหกรรมผลิตอาหารยังคงเติบโตอย่างมั่นคงในฐานะสินค้าหลักของบริษัทฯ อย่างไรก็ตามผลกระทบจากโรคโควิด-19 ส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานของบริษัทฯ ในบางช่วง รวมทั้งส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายจากการหยุดชะงักของการดำเนินธุรกิจ (Idle Cost) และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่สูงขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวนอกจากนี้ บริษัทฯ ประสบปัญหาปริมาณเชื้อแป้งที่ลดลงในหลายช่วงของปีนี้ ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมลดลงแม้ว่าบริษัทฯ จะประสบปัญหาดังกล่าว ธุรกิจของบริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างมั่นคงโดยบริษัทฯ มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงในด้านการกระจายสินค้า การขาย และการตลาดทั่วทุกสำนักงานสาขาของบริษัทฯ ในสาธารณรัฐประชาชนจีน และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้เพิ่มความหลากหลายในผลิตภัณฑ์แป้งของบริษัทฯ เช่น แป้งมันสำปะหลัง แป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลังออร์กานิค และแป้งผสมสำเร็จรูป โดยบริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ดังกล่าวไปยังตลาดมากกว่า 10 แห่งทั่วโลก บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังของโลกแบรนด์ Rose ของบริษัทฯ เป็นผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังสำหรับการประกอบอาหารที่ได้รับความนิยมในสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐจีนไต้หวัน และในอาเซียนผ่านการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าออนไลน์และช่องทางการตลาดที่สำคัญในปีนี้ เช่น งาน Food Ingredients China (FIC) ในสาธารณรัฐประชาชนจีน งาน THAIFEX - World of Food Asia และงาน Food ingredients Asia (FIA) อีกทั้งบริษัทฯ มุ่งพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เพื่อเป็นผู้ให้บริการด้านแป้งมันสำปะหลังแบบครบวงจร และ สร้างความแข็งแกร่งในการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด และ ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นในตลาดต่าง ๆ เช่น สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประเทศญี่ปุ่น และ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ความร่วมมือผ่านช่องทางออนไลน์สำคัญอย่างยิ่งต่อการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ในทุกด้าน บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับช่องทางการค้าระดับภูมิภาคและระดับโลก เพื่อเข้าถึงตลาดออนไลน์ของบริษัทฯ และผ่านช่องทางงานร่วมแสดงสินค้าออนไลน์ งานแสดงสินค้า และการประชุม ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยไทยวาเป็นผู้ร่วมสนับสนุนในงาน Future Food Asia และคงมีบทบาทสำคัญในงานระดับภูมิภาคต่าง ๆ

ธุรกิจอาหารของบริษัทฯ มีผลประกอบการที่ดี และ มีผลกำไรสูงสุดที่เคยทำได้ โดยเกิดจากความพยายาม ของบริษัทฯ ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางการส่งออกและช่องทาง การจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศ โดยในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2563 รายได้จากการส่งผลิตภัณฑ์อาหารของบริษัทฯ เติบโตขึ้นมากกว่าร้อยละ 95 และธุรกิจในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเติบโตขึ้นกว่าสองเท่า การเติบโตเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันอย่างชัดเจนถึงกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในการก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดโลกสำหรับผลิตภัณฑ์เส้นที่ทำมาจากแป้งและผลิตภัณฑ์เส้นทุกประเภท เพื่อรองรับตลาดทั่วโลก

ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและอาหารถือเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นโดยกำหนดให้นวัตกรรมและ ความยั่งยืนเป็นวิสัยทัศน์หลักของบริษัทฯ ในระยะยาว วิสัยทัศน์เหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งใหม่ซึ่งตั้งอยู่ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในประเทศไทย บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งผลิตภัณฑ์แป้งและ อาหารกว่า 10 รายการ และบริษัทฯ มุ่งมั่นลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ สำหรับอนาคต รวมถึงจะพัฒนานวัตกรรมที่เปิดกว้างเกี่ยวกับ ระบบนิเวศน์เพื่อการขยายเครือข่าย และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย ครอบคลุมทั้งในด้านอาหารดัดแปร และด้านพลาสติกชีวภาพ อย่างต่อเนื่อง ในอนาคตบริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดตัวต้นแบบของผลิตภัณฑ์ไบโอพลาสติก ผลิตภัณฑ์จากชีวภาพ และผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืช เพื่อเป็นการเพิ่มสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ จากผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มากขึ้น ถึงแม้ว่ากำไรสุทธิของบริษัทฯ ในปี 2563 ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่บริษัทฯ ยังคงมีฐานะเงินสด และงบดุลที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงพิจารณาการลงทุนอย่างมีวินัย ผ่านการวัดผลตอบแทนจากการ ลงทุนภายใต้นโยบายของบริษัทฯ ในการสร้างมูลค่าหุ้นในระยะยาวสำหรับผู้ถือหุ้น และให้ความสำคัญกับ การรักษาระดับในการเพิ่มขึ้นของกระแสเงินสดที่ใช้ในการดำเนินงาน ซึ่งได้กำหนดให้เป็นหนึ่งในเกณฑ์ชี้วัด ประสิทธิภาพหลักในการบริหารห่วงโซ่อุปทาน เงินทุน หมุนเวียน การบำรุงรักษาและการปรับปรุง และค่าใช้จ่ายในการลงทุนใหม่ ส่งผลให้ในภาพรวมกระแสเงินสดจากการ ดำเนินงานสุทธิของบริษัทฯ ดีขึ้นในปี 2563 เมื่อพิจารณา ผลประกอบการจากงบการเงินรวมของบริษัทฯ สำหรับ ช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม 2563 สามารถสรุปได้ว่าบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 38 ล้านบาท (0.04 บาท/หุ้น) ส่งผลให้คณะกรรมการบริษัทมีมติเสนอให้จ่ายเงินปันผลสำหรับรอบปีบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 เท่ากับ 0.134 บาทต่อหุ้น โดยการจ่ายเงินปันผล ดังกล่าวจะต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นที่จะจัดขึ้นวันที่ 23 เมษายน 2564 นี้

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความภาคภูมิใจที่ได้รับคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้อยู่ใน “รายชื่อหุ้นยั่งยืน (THSI)” สำหรับปี 2563 และได้รับรางวัลการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน (Sustainability Disclosure Award) จากสถาบันไทยพัฒน์ต่อเนื่องเป็นปีที่สองจากการที่ บริษัทฯ ได้ผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืนในด้านการเพาะปลูก การรักษาสิ่งแวดล้อม มาตรฐานด้านความปลอดภัยและ สุขภาพและยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินงานตามกรอบ ความยั่งยืนที่ได้กำหนดไว้อย่างแข็งขัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับรางวัล International Innovation Awards (IIA) 2020 สำหรับผลิตภัณฑ์วุ้นเส้นตรามังกรคู่บาลานซ์จาก Enterprise Asia และรางวัลองค์กรสนับสนุนงานด้านคนพิการดีเด่น ประจำปี 2563 จากกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ต่อเนื่องเป็นปีที่สี่ รวมถึงปี 2563 นี้ เป็นปีแรกที่บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับ “ดีเลิศ” สำหรับแนวทางปฏิบัติในการดำเนินงานตามหลัก ธรรมาภิบาล จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ซึ่งรางวัลเหล่านี้ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่น ของบริษัทฯ ที่จะขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ความน่าเชื่อถือ และความโปร่งใส ในทุกด้านของห่วงโซ่ คุณค่าของบริษัทฯ

ในทศวรรษต่อไปข้างหน้า ครอบครัวไทยวายังมุ่งมั่น และทุ่มเทที่จะดำเนินกิจการตามวิสัยทัศน์ที่ได้วางไว้ ผ่านการพัฒนาสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ส่งเสริมความยั่งยืนตั้งแต่กระบวนการปลูกไปจนถึงมือผู้บริโภค แม้ว่าความไม่แน่นอน และความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอาจจะกลายมาเป็นวิถีในการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ (New Normal) บริษัทฯ จะยังคงสร้างพื้นฐานที่มั่นคงตามแบบฉบับของไทยวาเพื่อสร้างสรรค์การสร้าง มูลค่าเพิ่มตั้งแต่กระบวนการปลูกไปจนถึงมือผู้บริโภคต่อไป


นายโฮ เรน ฮวา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร